AI พลาด ลบวีดีโอการแข่งหุ่นยนต์ต่อสู้ เพราะเข้าใจว่าเป็นการ “ทรมานสัตว์”

AI พลาด ลบวีดีโอการแข่งหุ่นยนต์ต่อสู้ เพราะเข้าใจว่าเป็นการ “ทรมานสัตว์”

ปัจจุบัน Google ใช้คอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ AI ที่เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความล้ำหน้าสูง และมีความแม่นยำ เข้าวิเคราะห์สิ่งต่างๆที่ถูกโพสต์ลงในอินเตอร์เน็ต เพื่อตรวจสอบสิ่งผิดปกติหรือขัดต่อข้อกำหนดและกฏเกณฑ์ของ Google ซึ่งต้องบอกว่ามันได้ผลดีมาก แต่บางครั้ง AI ก็ตีความสิ่งที่ผู้คนโพสต์ลงในอินเตอร์เน็ตไปอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งนำไปสู่ปัญหาต่างๆได้

ล่าสุดมีผู้ใช้งาน YouTube(เจ้าของคือ Google) 

ได้มีการออกมาโพสต์โวย AI ของยูทูป หลังจากที่วีดีโอการแข่งขันหุ่นยนต์ต่อสู้กันของเขาถูก AI ลบออกจากยูทูป โดย youtube ให้เหตุผลที่ลบวีดีโอขแองเขาว่า ในวีดีโอดังกล่าวมีเนื้อหาที่เป็นการ “ทรมาณสัตว์” โดยเจ้าตัวได้ออกมาโพสต์ผ่านโซเชี่ยลว่า “เป็นวันที่เศร้ามาก เหล่าบรรดานักประดิษฐ์ต่างพากันร้องให้ออกมาด้วยความโกรธแค้น หลังจากอัลกกริธึ่มของ youtube วิเคราะห์วีดีโอหุ่นยนต์สู้กันของพวกเขาและตีความว่าเป็นการ “ทรมานสัตว์” วันนี้วีดีโอที่ผมโพสต์ถูกลบไป 9 อัน และคนอื่นๆอาจจะเป็นร้อย”

เหตุการณ์ดังกล่าวอาจสรุปได้ว่าเป็นความผิดพลาดของระบบประมวลผลใน AI ของยูทูปเอง ซึ่งวีดีโอของหลายๆคนเริ่มถูกกู้กลับคืนมาได้แล้ว ซึ่งเรื่ทองนี้สอนให้เรารู้ว่า เราไม่มีทางรู้เลยว่าเมื่อไหร่ AI จะตัดสินสิ่งที่เราทำว่าถูกหรือผิด นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยของพลังทำลายล้างของเทคโนโลยีดาบสองคม ไม่อยากคิดว่ามันจะร้ายแรงแค่ไหนหาก AI คิดทำอะไรที่ตื่นเต้นกว่านี้ Mongabay รายงานว่า การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการตัดไม้ทำลายป่าสามารถเปลี่ยนแปลงอเมซอนได้อย่างสิ้นเชิง หากอเมซอนถูกทำลายไป 20% ถึง 25% ความน่าสะพรึงกลัว คือ สภาพภูมิทัศน์ของอเมซอนสามารถเปลี่ยนจากป่าดิบชื้นเป็นสะวันนาได้เลยทีเดียว

อย่างที่รู้กันดีในกลุ่มผู้ใช้อุปกรณ์ของ Apple ถึงความสะดวกสบายในการส่งข้อมูลต่างๆภายในอุปกรณ์ของ Apple ด้วยกัน ผ่านระบบการเชื่อต่อผ่านเน็ตเวิร์ตเฉพาะของตัวเองอย่าง AirDrops ขณะที่ทาง Android ก็มี Bluetooth ที่สามารถใช้งานได้ในลักษณะเดียวกัน แต่ล่าสุด สามค่ายมือถือจากจีนอย่าง Vivo, Xiaomi และ Oppo ได้ออกมาประกาศว่าจะมีโปรเจ็คร่วมกัน

โดยทั้งสามค่ายนี้ตกลงจับมือพร้อมใจใส่ฟีเจอร์ใหม่ในอุปกรณ์ของตัวเอง โดยเป็นฟีเจอร์ที่จะจับคู่อุปกรณ์จากมือถือของทั้งสามค่ายด้วยบลูธูท และสร้างเป็นเน็ตเวิร์คของตัวเอง คล้ายใน AirDrop. ฟีเจอร์ดังกล่าวจะสามารถส่งไฟล์ต่างได้ที่ความเร็วถึง 20Mbps และคาดว่าจะพร้อมใช้งานเวอร์ชั่นเบต้าได้ในปลายเดือนสิงหานี้ ซึ่งในอนาคตก็จะมีการเปิดให้ค่ายมือถืออื่นเข้าร่วมแจมเน็ตเวิร์คดังกล่าวด้วยเช่นกัน.

ฟีเจอร์ลักษณะดังกล่าวทาง Google เคยมีมาแล้วตั้งแต่เมื่อปี 2011 ในชื่อ Android Beam ที่เป็นการใช้ NFC ในการแชร์ข้อมูลต่างๆ เพียงนำมือถือไปแตะกัน แต่ทว่า Android Beam ก็เริ่มจางหายไปและจะถูกแทนที่ด้วยฟีเจอร์ส่งต่อข้อมูลใหม่ของ Google ในชื่อ Fast Share ที่คาดว่าจะเปิดตัวพร้อม Android Q

เหตุสลด รถทัวร์นทท.จีนตกเหวในลาว คร่าชีวิต 13 ศพ

เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา สถานทูตจีนประจำกรุงเวียงจันทน์เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุรถทัวร์นำเที่ยวที่บรรทุกนักท่องเที่ยวชาวจีนมากว่า 44 คน ประสบอุบัติเหตุพลัดตกเหวลึก ระหว่างที่เดินทางอยู่ใกล้กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย และบาดเจ็บอีก 31 ราย

ทัวร์กลุ่มนี้เดินทางจากกรุงเวียงจันทน์ เมืองหลวงของประเทศลาว มุ่งหน้าไปเมืองหลวงพระบาง ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 300 กม. ทางทิศเหนือ ซึ่งจากรายงานระบุว่า นอกจากภูมิประเทศบริเวณที่เกิดเหตุจะเป็นหุบเหวลึกแล้ว ถนนในบริเวณนั้นยังค่อนข้างสัญจรลำบากด้วย

ในกลุ่มนี้ มีชาวจีน 44 คนและชาวลาว 2 คนซึ่งเป็นมัคคุเทศก์นำเที่ยวและคนขับรถ หลังเกิดอุบัติเหตุ ได้มีการกู้ภัยครั้งใหญ่ มีการระดมกำลังทีมแพทย์ชาวจีนในประเทศลาวซึ่งกำลังอยู่ระหว่างฝึกซ้อมปฏิบัติการด้านมนุษยธรรม มาช่วยเหลือร่วมด้วย และยังมีผู้สูญหายอีก 2 ราย โดยในขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดที่ทำให้รถเสียหลักหลุดจากถนนและตกเหว

หลังจากที่กระทรวงพานิชย์ของสหรัฐฯมีการประการเลื่อนมาตรการแบนหัวเว่ยออกไปอีก 90 วัน ล่าสุด ทางหัวดว่ยก็ได้มีแถลงการณ์ออกมาตอบโต้ต่อมาตรการดังกล่าว โดยมีมีใจความระบุว่า “การตัดสินใจเพิ่ม 46 บริษัทในเครือสมาชิกของหัวเว่ยเข้าไปในรายชื่อแบล็คลิสต์ของกระทรวงพานิชย์สหรัฐฯ ในช่วงเวลาแบบนี้ มันชัดเจนว่ามาจากแรงจูงใจทางการเมืองล้วนๆและไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคีวามมั่นคงของประเทศเลย. การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการขัดต่อหลักการค้าเสรีอย่างมาก การพยายามกีดกันหัวเว่ย จะไม่ช่วยให้อเมริกาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแต่อย่างใด. เราเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯยุติเรื่องนี้และถอดรายชื่อหัวเว่ยออกจากแบล็คลิสต์”

นอกจากนี้ยังมีใจความสำตคัญอีกว่า “การยืดเวลาออกไปก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่า หัวเว่ยไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ได้ และไม่มีผลกระทบใดๆต่อหัวเว่ย เราจะยังคงมุ่งหน้าพัฒนาสินค้าและบริการของเราให้ดีที่สุดเพื่อลูกค้าของเรา”

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า